เด็กควรเข้าเรียนตอนไหน

การศึกษาในวัยเด็กเล็ก เพื่อสร้างเด็กให้เป็นคนที่มีไหวพริบดี ร่างกายแข็งแรง ร่าเริงและอ่อนโยน

เด็กควรเข้าเรียนตอนไหน
การศึกษาในวัยเด็กอนุบาล จุดประสงค์ประการเดียวของการศึกษาในวัยเด็กเล็ก คือ เพื่อสร้างเด็กให้เป็นคนที่มีไหวพริบดี ร่างกายแข็งแรง ร่าเริงและอ่อนโยน


• เส้นสมองของคนเรา กล่าวกันว่ามีถึง 14,000 ล้านเซลล์ แต่สมองของเด็กแรกเกิดอยู่ในสภาพกระดาษขาว และเซลล์สมองส่วนใหญ่ยังไม่ได้ทำงาน

• รายงานการวิจัยล่าสุดพบว่า การทำงานของเซลล์สมองเหล่านี้จะถูกกำหนดภายในอายุ 3 ขวบ เซลล์สมองไม่สามารถทำงานได้ถ้าแต่ละเซลล์แยกกันอยู่อย่างโดดเดี่ยว ถ้าเราดูภาพของสมองที่ขยายด้วยกล้องจุลทรรศน์จะเห็นว่าหลังจากที่เด็กเกิดมาแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปเด็กเรียนรู้มากขึ้นจะมีสายโยงเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างเซลล์มากชึ้น

• กล่าวคือ ต่อเมื่อเซลล์สมองจำนวนมากต่างก็ยื่นมือมาจับกันสัมพันธ์กัน จึงจะสามารถทำการย่อยข่าวสารข้อมูลจากภายนอกได้ ลักษณะแบบนี้เปรียบได้กับการทำงานของทรานซิสเตอร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ทรานซิสเตอร์เดี่ยว ๆ แต่ละตัวทำงานอะไรไม่ได้ แต่เมื่อต่อสายเชื่อมเข้าด้วยกันจึงจะทำงานได้ในฐานะเครื่องคอมพิวเตอร์
  
• เส้นสายสัมพันธ์ของเซลล์สมอง ซึ่งเปรียบเสมือนสายเชื่อมระหว่างทรานซิสเตอร์ในเครื่องคำนวณนี้ จะเพิ่มตัวอย่างรวดเร็วมากระหว่างอายุ 0-3 ขวบ จนกระทั่ง 70-80 % ของสายโยงทั้งหมดจะก่อรูปภายในอายุ 3 ขวบ ความเจริญเติบโตของเส้นสายในสมองนี้ ทำให้น้ำหนักสมองเพิ่มขึ้นและน้ำหนักสมองนี้จะเพิ่มขี้นถึง 2 เท่าตัว ภายในอายุ 6 เดือน และเมื่อถึงอายุ 3 ขวบก็หนักถึง 80 % ของสมองผู้ใหญ่ แน่นอนไม่ได้หมายความว่าเด็กที่อายุเกิน 3 ขวบ สมองไม่เติบโตอีกเลย แต่หลังจากอายุ 4 ขวบขึ้นไปเส้นสายสมองในส่วนอื่นจะเติบโตขึ้น เส้นสายสมองส่วนที่ก่อรูปหลังจากอายุ 4 ขวบ คือสมองส่วนหน้า ก่อนอายุ 3 ขวบ คือสมองส่วนหลัง ข้อแตกต่างระหว่างก่อนและหลังอายุ 3 ขวบคือ ถ้าจะเปรียบเทียบกับเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ก่อน 3 ขวบเปรียบได้กับส่วน "ฮาร์ดแวร์" ของเครื่อง คือเปรียบเสมือน "ตัวเครื่อง" ส่วนหลัง 3 ขวบเปรียบได้กับ "ซอฟต์แวร์" ของเครื่อง คือส่วนที่เป็น "การใช้เครื่อง" นั่นเอง

• สมองเด็กได้รับแรงกระตุ้นจากภายนอก นำมาย่อยเป็นตัวแบบแล้วจดจำระบบย่อยข่าวสารขั้นพื้นฐานซึ่งสำคัญมากนี้จะถูกสร้างภายในอายุ 3 ขวบ ส่วนในเรื่องความนึกคิด ความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์ ความเข้าใจ อารมณ์ ซึ่งเป็นเรื่องระดับสูง จะถูกสร้างหลังจากอายุ 3 ขวบ กล่าวคือ เป็นส่วนที่ว่าจะเอาส่วนที่ถูกสร้างมาก่อนอายุ 3 ขวบไปใช้อย่างไร เพราะฉะนั้น ถ้าหากส่วนที่เป็น "ฮาร์ดแวร์" คือ "ตัวเครื่อง" ที่ถูกสร้างภายในอายุ 3 ขวบนั้นไม่ดีเสียแล้ว เมื่ออายุเกิน 3 ขวบ ถึงแม้เราจะพยายามสร้างส่วนที่เป็น "ซอฟท์แวร์" คือ "การใช้เครื่อง" ให้ดีอย่างไรก็ไม่มีความหมายเพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ที่คุณภาพไม่ดี ต่อให้คุณพยายามใช้อย่างดีแค่ไหน มันก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีออกมาไม่ได้แน่

◉ เข้าใจพัฒนาการ
   • นักทฤษฎีทางจิตวิทยาพัฒนาการชี้ให้เห็นความสำคัญของพัฒนาการตามวัยของเด็กกับการเลี้ยงดูแต่ละช่วงมีพัฒนาการต่างกัน และต้องการการเลี้ยงดูต่างกัน ทั้งด้านการเรียนรู้ ความเชื่อมั่น ความต้องการหรือแม้แต่จริยธรรม เด็กแต่ละช่วงอายุช่วงปี จะมีพฤติกรรมต่างกันด้วย เด็กเล็ก วัยทารกจะเริ่มต้นการเคลื่อนไหวร่างกาย จากคว่ำ คืบ คลาน นั่ง และเดิน สื่อภาษากับผู้ใหญ่โดยใช้เสียง อ้อแอ้ เมื่อโตเข้า 2 ขวบ จึงพูดเป็นคำ เด็กบางคนอาจพูดเร็วกว่า ต่อมาจึงพูดเป็นประโยคจนถึงพูดเป็นเรื่องราวเมื่ออายุเข้า 5 ขวบ ความสามารถที่ต่างกันนี้จะพัฒนาตามอายุของเด็ก ไม่มีก้าวข้ามว่าพูดคล่องก่อนเดิน เรียนรู้ได้เร็วก่อนพูด เขียนได้ ก่อนหยิบจับของเป็น เป็นต้น ถ้าพ่อแม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้จะทำให้ พูด หรือกระทำ ในการเลี้ยงดูเด็กได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น

   • เมื่อลูกอยู่วัยทารก พ่อแม่ต้องดูแลลูกทุกอย่างทั้งการกิน การนอน หรือแม้แต่การขับถ่าย ต่อเมื่ออายุ 2-3 ขวบ เด็กเริ่มปฏิเสธเป็น อาจไม่ยอมกินอาหาร ต้องไล่ป้อนกัน บังคับกัน เป็นธรรมดา เพราะเด็กเรียนรู้แล้วว่าเขาควรจะยอมหรือปฏิเสธอย่างไร เพียงแต่พูดไม่ได้ต้องใช้ท่าทาง ดังนั้น พ่อแม่ต้องคิดเข้าใจพัฒนาการเด็กแม้แต่การกิน

   • เด็กเล็ก ๆ อาจมีการซุกซน ชอบปีนป่าย ก็เป็นธรรมดาของพัฒนาการเด็กตั้งแต่วัย 2 ขวบที่อยากเรียนรู้ร่างกายและความสามารถของตนเอง ว่ามีมากระดับใด คล่องตัวไหม การปีนป่าย วิ่ง เดินเป็นวิธีเรียนรู้โดยเฉพาะเด็กชายจะรวดเร็วกว่าเด็กหญิง ไม่ใช่เด็กไฮเปอร์หรือไม่อยู่นิ่งแต่ถ้าลูก 2 ขวบแล้วไม่เคลื่อนไหวซิน่ากลัวกว่ามากมายนัก เพราะเด็กอาจเป็นหลายโรคตามมา พ่อแม่บางคนห้ามลูกไม่ให้เดิน ไม่ให้ปืน ไม่ให้ลูกวิ่งจนลูกเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงก็มี อย่าลืมต้องเลี้ยงลูกให้สอดคล้องกับพัฒนาการ ด้วยการสังเกตเด็กว่ามีลักษณะอย่างไร แล้วพัฒนาการเด็กให้ก้าวไปสู่พัฒนาการที่ถูกต้องในทิศทางนั้น √ พัฒนาคุณธรรม ความเป็นคนดีที่สร้างสังคมที่ถูกต้อง √ การส่งเสริมพัฒนาการทางสังคม ให้รู้จักการปฏิบัติต่อตนเองและการปฏิบัติต่อผู้อื่น √ พัฒนาการทางคุณธรรม เด็กต้องเรียนรู้ถึงความมีระเบียบวินัย ความอดทน การใช้วาจากิริยาที่ดี √ ปัญญา เด็กต้องการการพัฒนาปัญญาหลายด้าน ที่พ่อแแม่ต้องสอดแทรกให้ไปพร้อมกัน การพัฒนาปัญญาที่สำคัญสำหรับเด็ก 6 ขวบแรกคือ - พุทธิปัญญา - การแก้ปัญหา - คุณธรรม และ - การปกครองตนเอง

   • สมองเป็นส่วนสำคัญ การพัฒนาสมองของเด็ก 6 ขวบแรกเป็นร้อยละ 90 ของชีวิต การทำงานของสมองเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะเรียนรู้ ถ้าบรรยากาศที่เด็กสัมผัสผ่อนคลาย เด็กจะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นอย่างมีความสุข สารสื่อประสาทของสมองได้รับการกระตุ้นเต็มที่ ถูกทางเด็กจะเรียนเก่ง ฉะนั้นถ้าพ่อแม่อยากให้ลูกเรียนเก่งต้องให้เวลาการเรียนของลูกเป็นเวลาที่ไม่เครียด ผ่อนคลาย อาจเรียนปนเล่น แต่ถ้าเป็นการเรียนแบบผ่อนคลาย เรียนสนุกเช่นการสนทนากับพ่อแม่ ฟังนิทาน เล่นกับพ่อ เป็นการเรียนที่มีค่ามหาศาลสำหรับเด็ก
    
✔ เด็กต้องการ การส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกายให้แข็งแรง
✔ เด็กต้องการ การส่งเสริมพัฒนาการทางจิตใจให้เข้มแข็งมั่นใจตังเอง
✔ เด็กต้องการ การส่งเสริมพัฒนาการทางสังคม ให้รู้จักการปฏิบัติต่อตนเองและการปฏิบัติต่อผู้อื่น  
✔ เด็กต้องการ พัฒนาภาษา ให้ใช้ภาษาถูกต้องสื่อสารเป็น
✔ เด็กต้องการ พัฒนาปัญญา ให้เป็นคนมีความรู้ คิดเป็นแก้ปัญหาได้
✔ เด็กต้องการ พัฒนาคุณธรรม ความเป็นคนดีที่สร้างสังคมที่ถูกต้อง

◀ การเลือกโรงเรียน ▶
   ☛ โรงเรียนเป็นสถานที่สำคัญในการพัฒนาเด็ก สำหรับเด็กเล็กหรือเด็กวัยอนุบาล โรงเรียนที่ดีจะสามารถช่วยพัฒนาเด็กอย่างรอบด้านทั้งด้านความคิดอ่าน ภาษา การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การช่วยเหลือตนเอง อารมณ์ สังคม และความมั่นใจในตนเอง ดังนั้นพ่อแม่ควรต้องใคร่ครวญและเลือกโรงเรียนที่พ่อแม่รู้สึกสบายใจ และเปิดโอกาสในการพัฒนาเด็กทุกด้าน





View all ...